ads 728x90

ลดเสี่ยง ภูมิแพ้ ในเด็ก เมื่อคุณแม่ต้อง ผ่าคลอด

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

mom-1
โรคภูมิแพ้ ถือเป็นโรคที่เกิดมาคู่กับเด็กหลายคน แต่จะทำอย่างไรให้ลูกน้อยห่างไกลจากโรคภัย การเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับลูกจึงเป็นหน้าที่หลักของคุณพ่อคุณแม่ อีกทั้งต้องช่วยกันสร้างภูมิต้านทานให้ลูกเพิ่มเป็น 2 เท่า เนื่องจากโรคภูมิแพ้เกิดจากหลายปัจจัย ด้วยสาเหตุของสภาพแวดล้อมเสื้อผ้าเด็กในสังคมที่ส่งผลให้มีโอกาสเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น รวมถึงการที่คุณแม่ให้กำเนิดลูกน้อยโดยการผ่าท้องคลอด หรือ C-Section ซึ่งทำให้ลูกน้อยเกิดความเสี่ยงในการปรับภาวะภูมิต้านทานต่ำนั่นเอง
“การประเมินความเสี่ยงจากประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัวจะมีส่วนช่วยให้ทราบว่า ทารกมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้สูงหรือไม่” รศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวและอธิบายเพิ่มเติมว่า “วิธีนี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รับมือด้วยการป้องกันโรคภูมิแพ้ของทารกได้แต่เนิ่นๆ อย่างถูกต้องทันท่วงที นอกจากนั้นการศึกษาพบว่า แม้แต่ทารกที่พ่อแม่ไม่เป็นโรคภูมิแพ้เลย ลูกก็มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ถึงร้อยละ15 หากพ่อหรือแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ ลูกที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้ถึงร้อยละ 40 แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ โอกาสที่ลูกจะเป็นโรคภูมิแพ้จะมีมากถึงร้อยละ 70 กรรมพันธุ์จึงเป็นสาเหตุหลักของการเป็นภูมิแพ้ในเด็กที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
ทั้งนี้ จากผลสำรวจในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า เด็กไทยป่วยเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า นับเป็นข้อบ่งชี้ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการเป็นโรคภูมิแพ้ตั้งแต่วัยเด็กจะส่งผลให้การเจริญเติบโตและพัฒนาการต่างๆ ไม่เป็นไปตามวัยที่เหมาะสม
mom-2
การผ่าคลอด..เหตุเสี่ยงโรคภูมิแพ้
นอกจากกรรมพันธุ์ซึ่งเป็นสาเหตุหลักแล้ว ยังพบว่า การคลอดด้วยการ “ผ่าคลอด” หรือ Caesarean section: C-section ทำให้เด็กมีความเสี่ยงในการเป็นภูมิแพ้มากกว่าเด็กที่คลอดแบบธรรมชาติประมาณ 3 เท่า และถ้าแม่เป็นโรคภูมิแพ้ด้วย เด็กจะมีความเสี่ยงสูงถึง 9 เท่า ในขณะที่การคลอดแบบธรรมชาติ เมื่อเด็กผ่านช่องคลอดก็จะได้สัมผัสกับแบคทีเรียที่ดี หรือจุลินทรีย์สุขภาพภายในบริเวณช่องคลอด ซึ่งจะไปเป็นเชื้อบุกเบิกเข้าไปอยู่ในลำไส้ของเด็กทารก (Early Colonization) และเติบโตเพิ่มจำนวนอยู่ในลำไส้ ซึ่งถ้ามีอยู่มากระบบภูมิต้านทานของเด็กก็จะดีและกลายเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรง
สภาพแวดล้อมมีผลต่อการพัฒนาของภูมิแพ้
สิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่พบบ่อยที่สุดว่า ส่งผลต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็ก ซึ่งลักษณะการแพ้ที่พบได้โดยทั่วไป ได้แก่ การแพ้อาหาร อากาศ และยาปฏิชีวนะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยจำนวนมากที่บ่งชี้ว่า การให้เด็กกินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กได้
“6 เดือนแรกของการให้นมลูก นับเป็นช่วงนาทีทองของลูกน้อยในการสร้างภูมิต้านทานที่ดี การได้ดื่มนมแม่เป็นวิธีลดความเสี่ยงของการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ดีที่สุด เนื่องจากในน้ำนมแม่มีสารอาหารที่เป็นใยอาหารสุขภาพ (พรีไบโอติก) ที่จุลินทรีย์ในลำไส้ (โพรไบโอติก) ชื่นชอบ ซึ่งจะช่วยให้เด็กทารกเติบโตได้ดี รวมถึงทำให้ระบบภูมิต้านทานของเด็กทารกหลังคลอดปรับไปในด้านดี แต่หากแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ การให้นมที่มีส่วนผสมของจุลินทรีย์และอาหารของจุลินทรีย์ หรือซินไบโอติก ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับนมแม่นั้น ก็สามารถช่วยสร้างจุลินทรีย์ในลำไส้ได้เช่นกัน ซึ่งข้อสรุปนี้สอดคล้องกับผลวิจัยในเด็ก 98 คนในประเทศออสเตรเลียที่พบว่า เด็กที่กินนมที่มีส่วนผสมของซินไบโอติก ในอุจจาระจะมีจุลินทรีย์ที่ดีมากกว่าเด็กที่กินนมทั่วไป”
“ทั้งนี้ การพัฒนาของจุลินทรีย์ในลำไส้ (Early Colonization) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ดีนั้นจะอยู่ในกลุ่มของ บิฟิโดแบคทีเรียม และหนึ่งในสายพันธุ์ที่ดีที่สุดคือ เบรเว่ เอ็ม 16 วี (Health beneficial bacteria) ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีผลงานวิจัยรองรับว่ามีคุณสมบัติเด่นในการช่วยลดอาการภูมิแพ้ เมื่อผสานกับใยอาหารที่ละลายน้ำได้สูตรเฉพาะ scGOS/lcFOS สัดส่วน 9:1 ก็จะช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ในเด็กทารกที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ บรรเทาผื่นภูมิแพ้จากผ้าอ้อมและช่วยเสริมการทำงานของระบบทางเดินอาหาร รวมถึงป้องกันอาการที่เกี่ยวกับโรคหืดหอบได้” รศ.พญ.จรุงจิตร์ กล่าว
รศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์
แม้การ “ผ่าคลอด” อาจส่งผลต่อภูมิต้านทานของลูกน้อย ทำให้เขามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ง่ายกว่าเด็กทั่วไป แต่ธรรมชาติก็สร้างกลไกของการป้องกันด้วยน้ำนมแม่ที่มากคุณค่า แต่หากลูกรักไม่สามารถสร้างเกราะให้กับตัวเองด้วยวิธีทางธรรมชาติแล้ว คุณแม่ก็สามารถปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อขอคำแนะนำได้…
 

ads

Most Reading